The ASSURE Model
ในการวางแผนการใช้สื่อการสอน ผู้สอนควรจะมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การใช้สื่อบรรลุถึงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่วางไว้ การวางแผนอย่างเป็นระบบนี้ เราสามารถใช้รูปแบบจำลองที่เรียกว่า " The ASSURE Model " ของไฮนิคและคณะ (Heinich and others 1999) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
ในการวางแผนการใช้สื่อการสอน ผู้สอนควรจะมีการวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การใช้สื่อบรรลุถึงวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่วางไว้ การวางแผนอย่างเป็นระบบนี้ เราสามารถใช้รูปแบบจำลองที่เรียกว่า " The ASSURE Model " ของไฮนิคและคณะ (Heinich and others 1999) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
A nalyze Leaner
Characteristics
|
การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน
|
S tate Objectives
|
การกำหนดวัตถุประสงค์
|
S elect, Modify,
of Design Materials
|
การเลือก ดัดแปลง
หรือออกแบบสื่อใหม่
|
U tilize
Materials
|
การใช้สื่อ
|
R equire Learner
Response
|
การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน
|
E valuation
|
การประเมิน
|
การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน ( Analyze Leaner
Characteristics )
การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน
ทำให้ผู้สอนได้ทราบลักษณะทั่วไปและลักษณะเฉพาะของผู้เรียนเพื่อที่ผู้สอนจะได้เลือกใช้สื่อการเรียนการสอนได้เหมาะสมกับผู้เรียนและบรรลุวัตถุประสงค์ของการเรียนการสอน
ลักษณะทั่วไป ได้แก่ อายุ ระดับความรู้
เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ของผู้เรียนแต่ละคน
ซึ่งลักษณะทั่วไปจะช่วยให้ผู้สอนสามารถเลือกระดับของบทเรียนและตัวอย่างของเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียนได้
ลักษณะเฉพาะ ของผู้เรียนแต่ละคน
มีส่วนสำคัญโดยตรงกับเนื้อหาบทเรียนตลอดจนสื่อการสอนและวิธีการที่จะนำมาใช้ในการสอน
โดยสิ่งที่ต้องนำมาวิเคราะห์ได้แก่ พื้นฐาน
ความรู้ของผู้เรียน, ดูว่าผู้เรียนมีความชำนาญในทักษะที่สอนนั้นมาก่อนหรือไม่
เพื่อจะได้สอนให้ตรงกับจุดมุ่งหมายที่วางไว้ , ทักษะทางด้านภาษา การอ่านเขียน การคำนวณ เป็นต้น
และทัศนคติต่อวิชาที่จะเรียน
การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียนสามารถนำไปใช้ในการเลือกสื่อที่เหมาะสมได้
เช่น
ผู้เรียนมีทักษะในการอ่านต่ำกว่าเกณฑ์ก็สามารถช่วยได้ด้วยการใช้สื่อประเภทที่ไม่ใช่สื่อสิ่งพิมพ์
การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียนอาจทำได้ด้วยการสนทนากับผู้เรียนหรือผู้ร่วมชั้นอื่น
ๆ หรืออาจมีการทดสอบก่อนเรียนเพื่อดูพื้นฐานของผู้เรียนก็ได้
การกำหนดวัตถุประสงค์ ( State Objectives )
การกำหนดวัตถุประสงค์ ( State Objectives )
ในการกำหนดวัตถุประสงค์ควรเป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เพื่อให้สามารถเลือกใช้วิธีการสอนและสื่อการเรียนการสอนได้เหมาะสม การกำหนดวัตถุประสงค์เป็น "วัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม"
แบ่งออกเป็น
1. พุทธิพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เพื่อวัดการเรียนรู้ของผู้เรียนเกี่ยวกับความรู้
ความเข้าใจ สติปัญญา และการพัฒนา
2. จิตพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ทางด้านความคิด
ทัศนคติ ความรู้สึก ค่านิยมและการเสริมสร้างทางปัญญา
3. ทักษะพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการกระทำ การแสดงออกหรือการปฏิบัติ
3. ทักษะพิสัย เป็นวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการกระทำ การแสดงออกหรือการปฏิบัติ
การกำหนดวัตถุประสงค์ในการเรียนการสอนนั้นเพื่อผู้เรียนจะได้ทราบว่าจะสามารถเรียนรู้หรือกระทำใดได้บ้าง , เลือกสื่อและวิธีการได้ถูกต้อง , ช่วยในการประเมินผู้เรียนได้ว่าผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่
การเลือก
ดัดแปลง หรือออกแบบสื่อ ( Select, Modify, of Design Materials )
การที่จะมีสื่อที่เหมาะสมในการเรียนการสอน
สามารถทำได้ 3 วิธี คือ
1. เลือกจากสื่อที่มีอยู่แล้ว มีเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้
1. เลือกจากสื่อที่มีอยู่แล้ว มีเกณฑ์ในการพิจารณาดังนี้
1)
ลักษณะผู้เรียน
2)
วัตถุประสงค์การเรียนการสอน
3) เทคนิคหรือวิธีการเรียนการสอน
4) สภาพการณ์และข้อจำกัดในการใช้สื่อ
แต่ละชนิด
2. ดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้วให้ใช้ได้ดีและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
3. การออกแบบสื่อใหม่
หลังจากที่เราออกแบบสื่อแล้วแล้วนำมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอน
ก็ควรมีการวัดผลของสื่อ เป็นการวัดประสิทธิภาพของสื่อ
ความคุ้มค่าของสื่อต่อผลสัมฤทธิ์การเรียนรู้ วัดเพื่อปรับปรุงสื่อ
วัดผลถึงระยะเวลาที่ในการนำเสนอสื่อว่าพอเหมาะหรือมากเกินความจำเป็น
การวัดผลสื่อนี้เพื่อผลในการใช้ดัดแปลงปรับปรุงให้ดีขึ้นสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต
เราสามารถที่จะนำเอาผลการอภิปรายในชั้นเรียน การสัมภาษณ์
และการสังเกตผู้เรียนมาใช้เป็นแนวทางในการวัดผลสื่อได้
การใช้สื่อ ( Utilize
Materials )
เป็นขั้นตอนของการกระทำจริงซึ่งผู้สอนต้องดำเนินการดังนี้
1. ดูหรืออ่านเนื้อหาในสื่อเหล่านั้นก่อนเป็นการเตรียมตัว : ต้องมีการตรวจสอบเนื้อหาว่าตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และทดลองใช้ดูว่ามีปัญหาหรือไม่ ถ้ามีจะได้แก้ไขปรับปรุงได้ทัน
2. เตรียมสภาพแวดล้อม / จัดเตรียมสถานที่ เพื่อความสะดวกเรียบร้อยก่อนการสอน และทดลองอุปกรณ์ที่จะใช้ก่อนว่าใช้ได้ดีหรือไม่
3. เตรียมตัวผู้เรียน โดยการใช้สื่อนำเข้าสู่บทเรียน เป็นการแนะนำก่อนล่วงหน้าและเพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ผู้เรียน
4. การนำเสนอ / ควบคุมชั้นเรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความสนใจในสื่อที่นำเสนอนั้น
2. เตรียมสภาพแวดล้อม / จัดเตรียมสถานที่ เพื่อความสะดวกเรียบร้อยก่อนการสอน และทดลองอุปกรณ์ที่จะใช้ก่อนว่าใช้ได้ดีหรือไม่
3. เตรียมตัวผู้เรียน โดยการใช้สื่อนำเข้าสู่บทเรียน เป็นการแนะนำก่อนล่วงหน้าและเพื่อสร้างแรงจูงใจแก่ผู้เรียน
4. การนำเสนอ / ควบคุมชั้นเรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีความสนใจในสื่อที่นำเสนอนั้น
การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน ( Require
Learner Response )
การตอบสนองของผู้เรียนจะมากหรือน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับลักษณะของสื่อที่นำมาใช้
ว่าเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมมากอย่างไร
นอกจากนี้ผู้เรียนสามารถมีการตอบสนองโดยเปิดเผย ( overt respone) โดยการพูดหรือเขียน
และการตอบสนองภายในตัวผู้เรียน ( covert response ) โดยการท่องจำหรือคิดในใจ
และเมื่อผู้เรียนมีการตอบสนองผู้สอนควรให้การเสริมแรงทันที
เพื่อให้ผู้เรียนทราบว่าตนมีความเข้าใจและเกิดการเรียนรู้ที่ถูกต้องหรือไม่
การเรียนการสอนโดยการให้ทำแบบฝึกหัด การตอบคำถาม การอภิปราย
หรือการใช้บทเรียนแบบโปรแกรม
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีการตอบสนองและได้รับการเสริมแรงระหว่างการเรียนได้เป็นอย่างดี
การประเมิน ( Evaluation )
การประเมินสามารถกระทำได้ใน 3 ลักษณะ คือ
1. การประเมินกระบวนการสอน เพื่อประเมินว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้หรือไม่ ทั้งด้านผู้สอน
สื่อการสอน และวิธีการสอน ซึ่งการประเมินจะทำได้ทั้งในระยะก่อน ระหว่าง
และหลังการสอน
2. การประเมินความสำเร็จของผู้เรียน ขึ้นกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ว่ามีเกณฑ์เท่าใด การวัดผลอาจทำได้ด้วยการทดสอบ การสอบปากเปล่า หรือดูจากผลงานของผู้เรียน สิ่งสำคัญที่จะทราบได้ว่าผู้เรียนมีสัมฤทธิผลทางการเรียนมากน้อยเท่าใด คือ สังเกตจากการปฏิบัติและการแสดงออกของผู้เรียน
3. การประเมินสื่อและวิธีการสอน โดยการให้ผู้เรียนมีการอภิปรายและวิจารณ์การใช้สื่อและเทคนิควิธีการสอนว่าเหมาะสมมากน้อยเพียงใด
2. การประเมินความสำเร็จของผู้เรียน ขึ้นกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ว่ามีเกณฑ์เท่าใด การวัดผลอาจทำได้ด้วยการทดสอบ การสอบปากเปล่า หรือดูจากผลงานของผู้เรียน สิ่งสำคัญที่จะทราบได้ว่าผู้เรียนมีสัมฤทธิผลทางการเรียนมากน้อยเท่าใด คือ สังเกตจากการปฏิบัติและการแสดงออกของผู้เรียน
3. การประเมินสื่อและวิธีการสอน โดยการให้ผู้เรียนมีการอภิปรายและวิจารณ์การใช้สื่อและเทคนิควิธีการสอนว่าเหมาะสมมากน้อยเพียงใด
ตัวอย่างการวิเคราะห์และการออกแบบการใช้สื่อตามหลักของ ASSURE MODEL
เรื่อง ความหมาย
และคุณลักษณะที่ดีของผู้ประกอบการ ชั้น ปวช. 1
สาระสำคัญ
ผู้ประกอบการ คือ ผู้ที่คิดริเริ่มดำเนินธุรกิจเป็นของตนเอง
มีการวางแผนและดำเนินงานด้วยตนเอง เพื่อมุ่งหวังผลกำไร
การเป็นผู้ประกอบการจะต้องมีคุณลักษณะทั้งด้านบุคลิกภาพ ความรู้ ความสามารถ
การวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียน ( Analyze Leaner
Characteristics )
ลักษณะทั่วไป : ผู้เรียนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจในความหมาย
และคุณลักษณะที่ดีของผู้ประกอบการ ซึ่งทำให้มีผลต่อการเรียนในวิชาอื่นๆ
และยังอาจจะส่งผลต่อการออกไปประกอบอาชีพในอนาคต
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปูพื้นฐานเกี่ยวกับความหมาย และคุณลักษณะที่ดีของผู้ประกอบการ
ให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น
การกำหนดวัตถุประสงค์ ( State
Objectives )
ด้านพุทธิพิสัย
-ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายของผู้ประกอบการได้
-ผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ดีของผู้ประกอบการได้
ด้านจิตพิสัย
-ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาเรียน
- ผู้เรียนมีทักษะการคิดประยุกต์ใช้ความรู้
การคิดสร้างสรรค์
- ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการคิด
กระบวนการเรียนรู้โดยการค้นพบต่อสิ่งที่เรียนรู้ได้
ด้านทักษะพิสัย
-
ผู้เรียนสามารถใช้ความรู้ที่มีเกี่ยวกับผู้ประกอบการไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
การเลือก ดัดแปลงหรือออกแบบสื่อใหม่ ( Select,
Modify, of Design Materials )
การเลือกสื่อที่มีอยู่แล้ว
- หนังสือเรียนวิชาผู้ประกอบการ
- เครื่องฉายโปรเจคเตอร์
- เครื่องขยายเสียง (ไมโครโฟน
ลำโพง)
สื่อประเภทเทคนิคหรือวิธีการ
-การบรรยาย
-การอภิปรายกลุ่ม
การปรับปรุง หรือดัดแปลงสื่อที่มีอยู่แล้ว
นำเนื้อหาการสอนมาโยงความสัมพันธ์เพื่อง่ายต่อการเข้าใจ
นำโน๊ตบุ๊ค
เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ในห้องเรียนเพื่อฉายเนื้อหาบทเรียนให้ผู้เรียนได้ดูและอธิบาย
จะทำให้ผู้เรียนสนใจมากกว่าการอธิบายตามหนังสือ
การออกแบบสื่อใหม่
สรุปเนื้อหาเรื่อง “ความหมาย
และคุณลักษณะที่ดีของผู้ประกอบการ” นำเสนอแบบสื่อสไลด์ Power
point ที่มีทั้งภาพ สี เสียง เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
แล้วใช้คอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเข้ากับเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ในห้องเรียนเพื่อฉายให้ผู้เรียนได้ดู
เข้าใจอย่างทั่วถึงและชัดเจน อีกทั้งพิมพ์ออกมาแจกให้ผู้เรียนด้วย
การใช้สื่อ ( Utilize Materials )
- ดูหรืออ่านเนื้อหาของสื่อ
- ก่อนที่จะสอนนำเข้าบทเรียน
แนะนำบทเรียนที่จะสอนเบื้องต้น
เพื่อเชื่อมโยงไปยังบทเรียนที่จะสอนในคาบนี้แก่ผู้เรียนเพื่อเตรียมพร้อม
- การนำเสนอ /
ควบคุมชั้นเรียน
การกำหนดการตอบสนองของผู้เรียน ( Require
Learner Response )
ครูผู้สอนจะต้องมีกิจกรรมเสริม
เพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเอง
เป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและเป็นการให้ผู้เรียนได้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
อาจะมีการเล่นเกมภายในชั้น แจกของรางวัลสำหรับคนที่ชนะ
เพื่อดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้เรียนได้เกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ ครูผู้สอนจะต้องมีการสังเกตพฤติกรรมผู้เรียนแต่ละคนด้วยว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจ
การประเมิน ( Evaluation )
การประเมินผลกระบวนการเรียนการสอน ผู้สอนจะประเมินว่ามีการจัดเนื้อหาที่สอนเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่
ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการทำกินกรรมมากน้อยเพียงใด สภาพแวดล้อมมีความเหมาะสมหรือไม่
ผู้เรียนสามารถปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใด สังเกตความสนใจของผู้เรียนว่ามีความสนใจ
ตั้งใจ ใฝ่เรียนใฝ่รู้ มีวินัยในตนเอง
การประเมินสื่อและวิธีการสอน
เพื่อให้ทราบว่าสื่อและวิธีการสอนที่ใช้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
ต้องปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ ช่วยให้ผู้สอนมีผลสัมฤทธิ์เพิ่มขึ้นหรือไม่
การประเมินผลสื่อการเรียนการสอนควรให้ครอบคลุม
ด้านความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การเรียนการสอน ด้านคุณภาพของสื่อ เช่น ขนาด
รูปร่าง สี ความชัดเจนของสื่อ ที่ใช้สอน
การประเมินผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน
- จากการทำแบบฝึกหัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น